เกษตรกรต้องอยู่ร่วมกับโรคแคงเกอร์
เป็น “แนวคิดใหม่” ที่เกษตรกรผู้ปลูกมะนาวยุคปัจจุบัน จำเป็นต้องยอมรับและปรับตัว แทนที่จะพยายามกำจัดโรคแคงเกอร์ให้หมด ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติเรามาดูเหตุผลเชิงลึกและแนวทาง “อยู่ร่วมอย่างสมดุล” กันครับ
ทำไมเกษตรกรต้อง “อยู่ร่วมกับโรคแคงเกอร์”
1. เชื้อแคงเกอร์อยู่ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป
เชื้อ Xanthomonas citri สามารถเกาะอยู่บนใบ พื้นดิน ผิวผลไม้ หรือแม้แต่ในละอองน้ำฝน แม้จะพ่นยาฆ่าเชื้อหมดในแปลงหนึ่ง แต่ ลมและฝนสามารถพาเชื้อจากแปลงข้างเคียงกลับมาได้ตลอด “กำจัดให้หมดไม่ได้ แต่ควบคุมให้อยู่ในระดับไม่กระทบผลผลิตได้”
2. โรคนี้ระบาดตามฤดูกาล
ฤดูฝนและช่วงแตกใบอ่อน คือเวลาที่เชื้อมีโอกาสเข้าทำลายมากที่สุด หลังฝนหมดหรือใบแก่ การระบาดจะหยุดลงเอง ดังนั้น เกษตรกรควร “บริหารรอบใบและฝน” มากกว่าทำลายเชื้อ
3. พืชบางต้นทนต่อโรคได้ดีโดยธรรมชาติ
มะนาวพันธุ์แป้นพิจิตร, แป้นสิรินนท์, พิจิตร 1-2 มี “ใบเหนียวและผนังเซลล์หนา” แผลอาจมีแต่ไม่ลาม ไม่เสียผลผลิต เกษตรกรควรเลือกพันธุ์ที่ทนโรคมากกว่าเช่น รำไพ2 กวก.พิจิตร2 พยายามฆ่าเชื้อทุกครั้ง
4. การพ่นสารเคมีบ่อยเกินจำเป็น ไม่ยั่งยืน
พ่นสารทองแดงถี่ จะมีการสะสมในดินและแหล่งน้ำ พ่นช่วงฝนตก จะล้างออกหมด เสียเงิน เสี่ยงตกค้าง ทางออกคือ “พ่นเมื่อจำเป็น หันมาเสริมภูมิต้านทานพืชแทน”
แนวทาง “อยู่ร่วมกับโรคแคงเกอร์อย่างยั่งยืน”
แนวทาง | รายละเอียด |
---|---|
ยอมรับว่ามีโรค แต่คุมไม่ให้ลาม | ตรวจแปลงเป็นประจำ ตัดแต่งใบที่มีแผลหนักออก |
พ่นทองแดงเฉพาะหลังฝนตกหนัก | ป้องกันเชื้อเข้าสู่ใบอ่อน ไม่ต้องพ่นทุกสัปดาห์ |
ควบคุมหนอนชอนใบให้ดี | ลดช่องทางให้เชื้อเข้าสู่ใบ |
เสริมแคลเซียม-ซิลิก้า-แมกนีเซียม-โบรอน | ทำให้ผนังเซลล์ใบแข็งแรง เชื้อเข้ายาก |
ปลูกพืชร่วมช่วยระบายอากาศ | ลดความชื้นแฉะในแปลง |
อบรมความรู้เกษตรกรในพื้นที่เดียวกัน | เพื่อควบคุมพร้อมกัน ลดการฟุ้งของเชื้อข้ามแปลง |
มุมมองเชิงระบบ
“โรคแคงเกอร์” เปรียบเหมือน โรคประจำถิ่นของมะนาว เป้าหมายไม่ใช่การ “กำจัดให้หมด” แต่คือการ “อยู่ร่วมอย่างเข้าใจและควบคุมไม่ให้กระทบผลผลิต”
คำสรุปเชิงแนวคิด
อยู่กับโรคอย่างรู้เท่าทัน ดีกว่ารบกับโรคอย่างสิ้นเปลือง เพราะธรรมชาติไม่ได้ให้เราควบคุมทุกอย่าง แต่ให้เราปรับตัวอยู่ร่วมอย่างชาญฉลาด
8 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร