เลือดหมัก
“เลือดหมัก” คือปุ๋ยชีวภาพที่สกัดจากเลือดสัตว์ เช่น เลือดวัว เลือดหมู เลือดปลา ฯลฯ มี ไนโตรเจนสูงมาก ใกล้เคียงยูเรียเคมี และยังมีธาตุอาหารรอง เช่น เหล็ก (Fe) และ ฟอสฟอรัส (P) เหมาะสำหรับใช้ เร่งการแตกใบ เพิ่มคลอโรฟิลล์ในใบพืช เช่น มะนาว พริก มะเขือ ข้าวโพด ฯลฯ
คุณค่าจากเลือดหมัก
ธาตุอาหาร | ปริมาณโดยธรรมชาติ |
---|---|
ไนโตรเจน (N) | สูงมาก ~12–15% (เทียบเท่า 1–2 เท่าของยูเรีย) |
ฟอสฟอรัส (P) | 1–2% ช่วยกระตุ้นราก |
เหล็ก (Fe) | ป้องกันใบเหลืองซีด |
โปรตีนและเอนไซม์ | กระตุ้นจุลินทรีย์ดินให้ทำงานดี |
สูตรน้ำหมักเลือด (ฮอร์โมนเลือด)
วัตถุดิบ:
• เลือดสัตว์สด (วัว/หมู/ปลา) 1 ลิตร
• กากน้ำตาล 1 ลิตร
• น้ำสะอาด 8–10 ลิตร
• หัวเชื้อ EM หรือจุลินทรีย์ปลาร้า 100 ซีซี (หรือใช้น้ำซาวข้าวหมักทดแทนหัวเชื้อ)
วิธีหมัก:
• ผสมเลือดกับกากน้ำตาล คนให้เข้ากัน
• เติมน้ำสะอาด + หัวเชื้อจุลินทรีย์
• ใส่ถังพลาสติก ปิดฝาหลวม ๆ หรือเจาะรูระบายแก๊ส
• หมักไว้ในที่ร่ม 15–30 วัน
• สังเกตกลิ่นหอมหมัก ไม่เหม็น ใช้งานได้
วิธีใช้:
วิธี | อัตราส่วน | ความถี่ |
---|---|---|
พ่นทางใบ | 30–50 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร | ทุก 7–10 วัน (ช่วงเช้า) |
ราดโคนต้น | 100–200 ซีซี / ต้น | ทุก 7–15 วัน |
เร่งฟื้นใบเหลือง | เพิ่มเป็น 50–100 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร | เฉพาะ 1–2 ครั้ง |
ข้อควรระวัง
• ห้ามใช้เลือดดิบโดยไม่หมัก จะเหม็นและเสี่ยงโรค
• ไม่ควรใช้บ่อยเกิน อาจทำให้ใบพืชอวบเกิน เสี่ยงโรค
• ห้ามพ่นช่วงแดดจัด เสี่ยงใบไหม้
• ถ้าใช้กับพืชกินใบ (ผัก) ต้องเว้นระยะก่อนเก็บเกี่ยวอย่างน้อย 5–7 วัน
เคล็ดลับ
• ถ้าอยากให้หมักไว เติมกล้วยหอมสุก 1 ลูก + น้ำส้มสายชูหมัก 2 ช้อนโต๊ะ
• ถ้ามีกลิ่นเหม็น เติมแกลบดิบ + น้ำหมักสมุนไพร (เช่น สะเดา ข่า ตะไคร้)
341 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร