คลอไรด์ตกค้างในดิน

คลอไรด์ตกค้างในดิน คือปัญหาที่มักเกิดจากการใช้ปุ๋ยหรือแหล่งน้ำที่มี คลอไรด์ (Cl⁻) สูง เช่น ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์ (Muriate of Potash – MOP) หรือการใช้น้ำเค็มชลประทาน โดยคลอไรด์แม้จะเป็นธาตุอาหารรองของพืช แต่ถ้ามากเกินไปจะกลายเป็นพิษต่อพืชและระบบดิน

ผลกระทบของ “คลอไรด์ตกค้าง” ต่อดินและพืช

ผลกระทบ รายละเอียด
พืชเหี่ยว-ใบไหม้ คลอไรด์ดูดน้ำเก่ง ดึงน้ำจากเซลล์พืชออก ใบปลายไหม้ ใบร่วง
รบกวนการดูดธาตุอาหารอื่น โดยเฉพาะ ไนเตรต, ซัลเฟต, ฟอสเฟต ต้นขาดสารอาหารแม้ใส่ปุ๋ย
ค่าความเค็มในดิน (EC) สูงขึ้น ทำให้รากชะงัก ไม่เดิน รากฝอยลดลง
สะสมในใบและผล ทำให้พืชมีรสเปลี่ยน ใบร่วงง่าย ผลร่วง

แหล่งที่ทำให้ดินมี “คลอไรด์” สะสมสูง

• ปุ๋ย MOP (โพแทสเซียมคลอไรด์) ปุ๋ยสูตร 0-0-60 ที่ราคาถูก

• น้ำชลประทานที่มีคลอไรด์ปนเปื้อน เช่น น้ำกร่อย หรือน้ำใต้ดิน

• ปุ๋ยคอกหรือขี้ไก่ที่สะสมคลอไรด์สูง (โดยเฉพาะถ้ามาจากฟาร์มใส่เกลือสัตว์)

• สารฆ่าเชื้อที่มีคลอรีน เช่น น้ำยาคลอรีนที่ใช้ในฟาร์มแล้วไหลลงสวน

สังเกตอาการคลอไรด์สะสมในต้นมะนาว

อาการ สาเหตุจากคลอไรด์
ใบแห้งขอบไหม้ คลอไรด์สะสมที่ปลายใบ
รากไม่เดิน / รากฝอยน้อย ความเค็มในดินสูง
ใบแก่ร่วงเร็วกว่าปกติ พืชพยายามขับคลอไรด์ออกทางใบ
ใบเขียวจัดแต่ไม่แตกยอด ดูดธาตุอื่นไม่ขึ้น

แนวทางลดคลอไรด์ตกค้างในดิน

1. ชะล้างดินด้วยน้ำจืด

• หากระบายน้ำดี เปิดน้ำชะล้างอย่างช้า ๆ หลายรอบ

• ใช้น้ำฝนช่วยชะล้างเป็นรอบ ๆ ในช่วงหน้าฝน

2. เพิ่มอินทรียวัตถุในดิน

• คลอไรด์จะถูกดูดซับ/เจือจางได้ดีขึ้นเมื่อดินมีอินทรียวัตถุสูง เช่น ปุ๋ยหมัก แกลบดำ

• ส่งเสริมจุลินทรีย์ในดินช่วยย่อยคลอไรด์และลดความเค็ม

3. หลีกเลี่ยงปุ๋ย MOP (โพแทสเซียมคลอไรด์)

• เปลี่ยนมาใช้ โพแทสเซียมซัลเฟต (SOP) แทนในพืชอ่อนไหว

• SOP ไม่มีคลอไรด์ เหมาะกับมะนาวในวงบ่อหรือดินทราย

4. ใส่ยิปซัม (CaSO₄) ช่วยขับไอออนคลอไรด์

• แคลเซียมซัลเฟตช่วยแลกเปลี่ยนไอออนในดิน ดึงคลอไรด์ออกไปพร้อมน้ำ

แนวทางตรวจสอบ

• ใช้เครื่องวัด EC ดิน ถ้าค่าสูงเกิน 2.0 dS/m ดินเริ่มเค็ม

• เก็บดินส่งวิเคราะห์หา ค่า Cl⁻ โดยตรง (ถ้ามีแล็บในพื้นที่)

24 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร