คลอไรด์สะสมในดิน

คลอไรด์ (Chloride, Cl⁻) เป็นประจุลบที่มักมาพร้อมกับปุ๋ยเคมีหลายชนิด เช่น โพแทสเซียมคลอไรด์ (KCl), แอมโมเนียมคลอไรด์ หรือแม้แต่ น้ำบาดาลที่มีค่าความเค็มสูง หากใช้บ่อยหรือสะสมในดินมากเกินไป จะส่งผลเสียหลายประการ โดยเฉพาะในพืชอ่อนแอหรือปลูกในกระถางหรือพื้นที่ดินค่อนข้างเค็ม

ผลเสียของการสะสมคลอไรด์ในดิน

ผลกระทบ รายละเอียด
รากพืชไหม้ คลอไรด์เข้มข้นทำให้เซลล์รากสูญเสียน้ำ รากแห้งและตาย
รากหยุดดูดน้ำ ความเค็มจาก Cl⁻ ทำให้รากหยุดการดูดซึม พืชเฉา
ใบเหลืองไหม้ขอบ พืชดูด Cl ขึ้นไปมากเกิน ขอบใบไหม้คล้ายขาด K
ดินเป็นกรดในระยะยาว คลอไรด์ลดค่า pH ดิน ส่งผลต่อจุลินทรีย์ดีในดิน
การดูดธาตุอาหารลดลง Cl⁻ ไปแย่งพื้นที่ดูดธาตุ เช่น K, Ca, NO₃⁻

แหล่งที่มาของคลอไรด์สะสม

แหล่ง สารที่ต้องระวัง
ปุ๋ยโพแทสเซียมราคาถูก KCl (โพแทสเซียมคลอไรด์) มี Cl⁻ มาก
น้ำบาดาลหรือประปาเค็ม มี NaCl และ Cl⁻ สะสม
ปุ๋ยยูเรียบางสูตร มี Cl ผสมเป็นตัวเพิ่มประสิทธิภาพ
ดินเคยปลูกพืชเชิงเดี่ยวเคมีจัด สะสม Cl ไว้มากแล้ว

สัญญาณต้นมะนาวเมื่อคลอไรด์สะสม

1. ใบแก่เหลืองเฉพาะขอบ ใบล่างเริ่มไหม้

2. ใบพับ ใบแห้งจากปลายเข้ากลาง

3. รากเน่าดำ ไม่มีรากอ่อนใหม่

4. ผลเล็ก ไม่ขยาย ขั้วผลแห้งหลุดง่าย

แนวทางแก้ไขหรือลดคลอไรด์ในดิน

วิธี รายละเอียด
รดน้ำล้างดิน (leaching) รดน้ำมากๆ ให้ Cl ละลายไหลผ่านดิน (ใช้เฉพาะดินระบายน้ำดี)
เปลี่ยนปุ๋ย K ใช้ โพแทสเซียมซัลเฟต (K₂SO₄) แทน KCl
ใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมพ่นทางใบ หลีกเลี่ยง Cl สะสมทางราก
ใส่อินทรีย์วัตถุ เพิ่มอินทรียวัตถุดินช่วยตรึง Cl ไม่ให้รากดูด
ปลูกพืชปรับดิน เช่น ถั่วเขียว หญ้าแฝก ช่วยฟื้นดินก่อนปลูกมะนาวรอบใหม่

ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

• หากคุณใช้ KCl บ่อยในสวนมะนาว ลองหยุด 1-2 รอบ แล้วตรวจ pH และ EC ดิน

• ถ้า EC สูงเกิน 2.5 หรือ pH ต่ำกว่า 5.5 ควรเร่งล้างดิน หรือปรับดินด้วยอินทรีย์วัตถุและปูนธรรมชาติ (ไม่ควรใช้โดโลไมต์ร่วม)

17 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร