แมงกานีส

แมงกานีส (Mn) เป็นหนึ่งใน ธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ถึงแม้พืชต้องการในปริมาณน้อย แต่หากขาดจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบสังเคราะห์แสงและการเจริญเติบโตโดยรวม

หน้าที่ของแมงกานีสในพืช

หน้าที่หลัก รายละเอียด
ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสง มีบทบาทในการแยกโมเลกุลน้ำ (H₂O) ในกระบวนการสังเคราะห์แสง
เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนรูปไนโตรเจน มีส่วนในกระบวนการเปลี่ยนไนเตรต (NO₃⁻) ให้เป็นรูปที่พืชใช้ได้
ทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ร่วม กระตุ้นเอนไซม์หลายชนิดในพืช
ช่วยสร้างคลอโรฟิลล์间 แมงกานีสช่วยให้พืชสร้างสารสีเขียวได้เต็มที่

อาการพืชเมื่อ ขาดแมงกานีส (Mn)

อาการ ลักษณะ
ใบเหลืองระหว่างเส้นใบ โดยเฉพาะใบอ่อน แต่เส้นใบยังเขียว
ใบม้วนหรือบิดเบี้ยว ใบใหม่จะบิด งอ หรือโตช้า
การเจริญเติบโตช้าลง พืชแคระแกร็น ดอกน้อย ติดผลไม่ดี
พบมากในดินที่เป็นด่าง (pH > 6.5) แมงกานีสจะไม่ละลายน้ำ ทำให้พืชดูดไม่ได้

วิธีแก้ไขเมื่อพืชขาดแมงกานีส

1. ให้ปุ๋ยแมงกานีสทางใบ

:: ใช้ แมงกานีสซัลเฟต (MnSO₄) 100–200 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร

:: ฉีดพ่นทุก 7–10 วัน จนกว่าจะฟื้น

2. ใส่ปุ๋ยผสมที่มี Mn

:: เช่น ปุ๋ยสูตรเสริมธาตุอาหารรอง เช่น 15-15-15 + ธาตุรอง-เสริม

3. ปรับ pH ดินให้อยู่ในช่วง 5.5–6.5

:: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือซัลเฟอร์ (กำมะถัน) ลดความเป็นด่าง

:: หลีกเลี่ยงการใช้ปูนขาวมากเกินไปในดินกรด

พืชที่มักมีปัญหาขาดแมงกานีสบ่อย

:: มะนาว / ส้ม

:: มันสำปะหลัง

:: พืชตระกูลถั่ว

:: ผักกินใบ เช่น คะน้า ผักบุ้ง

:: กล้วยไม้

สูตรฉีดพ่นทางใบ: Mn + ธาตุรอง–เสริมครบชุด

ส่วนผสม ปริมาณ (ต่อน้ำ 20 ลิตร) หน้าที่
แมงกานีสซัลเฟต (MnSO₄) 1 ช้อนโต๊ะ (10–20 กรัม) ช่วยสังเคราะห์แสง สร้างคลอโรฟิลล์
สังกะสีซัลเฟต (ZnSO₄) 1 ช้อนโต๊ะ (10–20 กรัม) ช่วยขยายผล เพิ่มภูมิต้านทาน
โบรอน (Borax หรือ Solubor) ½ ช้อนโต๊ะ (5–10 กรัม) ช่วยการผสมเกสร ป้องกันผลร่วง
แคลเซียม–โบรอน (Ca–B) 20–30 ซีซี เพิ่มคุณภาพผล ป้องกันผลแตก
ธาตุอาหารเสริมรวม (เช่น ไมโครมิกซ์, ธาตุรองรวมในรูปคีเลต) 1–2 ช้อนโต๊ะ หรือ 20–30 กรัม เสริมธาตุรองอื่น ๆ เช่น Fe, Cu, Mo
สารจับใบ (wetting agent) 1–2 ซีซี ช่วยให้สารเกาะใบดี ไม่ไหลทิ้ง

หมายเหตุ: หากใช้ ผลิตภัณฑ์รวมธาตุรอง/ธาตุเสริมแบบคีเลต (EDTA, EDDHA) บางชนิดอาจมี Mn, Zn, B, Fe อยู่แล้ว ควรอ่านฉลากก่อนผสมเพิ่มเติม

ช่วงเวลาฉีดพ่นที่เหมาะสม

:: ช่วงเช้าหรือเย็น (ไม่ควรเกิน 9:00 น. หรือหลัง 16:00 น.)

:: พ่นทุก 7–10 วัน

:: หลีกเลี่ยงช่วงฝนตกหรือแดดจัด

ห้ามผสมกับอะไร

:: ปุ๋ยทางดิน หรือปูนขาว

:: สารเคมีประเภท น้ำมัน, น้ำหมักที่เป็นกรดจัด, หรือสารพ่นที่ไม่แน่ใจว่าผสมกันได้

:: ควร ทดลองผสมในปริมาณน้อย ก่อนใช้จริงในพื้นที่ใหญ่

เคล็ดลับ

:: ใช้ น้ำกรอง / น้ำสะอาด ในการผสม จะช่วยให้ธาตุคงตัว ไม่ตกตะกอน

:: หากฉีดใบแล้วเห็นใบเขียวสดใน 2–3 วัน แสดงว่าพืชดูดซึมได้ดี

45 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร