ประจุไฟฟ้าในดิน ราก ธาตุอาหาร


ประจุไฟฟ้าในดิน

ประจุไฟฟ้าในดินมีบทบาทสำคัญต่อการดูดซึมธาตุอาหารและน้ำของพืช ประจุไฟฟ้าในดินจะช่วยดึงดูดธาตุอาหารที่มีประจุตรงข้ามกัน เช่น ธาตุอาหารที่มีประจุบวกจะถูกดึงดูดโดยประจุลบในดิน และธาตุอาหารที่มีประจุลบจะถูกดึงดูดโดยประจุบวกในดิน

ประจุไฟฟ้าในดินสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

ประจุบวก : ประจุบวกในดินจะช่วยดึงดูดธาตุอาหารที่มีประจุลบ เช่น นิเทรตและฟอสเฟต

ประจุลบ : ประจุลบในดินจะช่วยดึงดูดธาตุอาหารที่มีประจุบวก เช่น โปแตสเซียมและแคลเซียม

ประจุกลาง : ประจุกลางในดินจะไม่มีประจุไฟฟ้าและจะไม่ดึงดูดธาตุอาหารใดๆ

การเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าในดินอาจส่งผลกระทบต่อการดูดซึมธาตุอาหารและน้ำของพืช ซึ่งอาจทำให้พืชเติบโตช้าลง

ประจุไฟฟ้าในราก

ประจุไฟฟ้าในรากของพืชมีบทบาทสำคัญในการดูดซึมธาตุอาหารและน้ำจากดิน ประจุไฟฟ้าเหล่านี้จะช่วยดึงดูดธาตุอาหารที่มีประจุบวก เช่น โปแตสเซียมและแคลเซียม และธาตุอาหารที่มีประจุลบ เช่น นิเทรตและฟอสเฟต นอกจากนี้ ประจุไฟฟ้าในรากยังช่วยควบคุมการทำงานของราก เช่น การเติบโตและการแบ่งแยกของราก และการสร้างรากใหม่ การเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าในรากอาจส่งผลกระทบต่อการดูดซึมธาตุอาหารและน้ำของพืช ซึ่งอาจทำให้พืชเติบโตช้าลง

ประจุไฟฟ้าในธาตุอาหาร

ประจุไฟฟ้าในธาตุอาหารมีบทบาทสำคัญต่อการดูดซึมธาตุอาหารของพืช ประจุไฟฟ้าในธาตุอาหารจะช่วยดึงดูดธาตุอาหารที่มีประจุตรงข้ามกัน เช่น ธาตุอาหารที่มีประจุบวกจะถูกดึงดูดโดยประจุลบในดิน และธาตุอาหารที่มีประจุลบจะถูกดึงดูดโดยประจุบวกในดิน ธาตุอาหารที่มีประจุไฟฟ้า ได้แก่

โปแตสเซียม (K+): มีประจุบวก

แคลเซียม (Ca2+): มีประจุบวก

แมกนีเซียม (Mg2+): มีประจุบวก

นิเทรต (NO3-): มีประจุลบ

ฟอสเฟต (PO43-): มีประจุลบ

ซัลเฟต (SO42-): มีประจุลบ

การเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าในธาตุอาหารอาจส่งผลกระทบต่อการดูดซึมธาตุอาหารของพืช ซึ่งอาจทำให้พืชเติบโตช้าลง

87 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร