เกจวัดแรงดันในปั๊มพ่นยา
เกจวัดแรงดัน ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ชาวสวนหลายคนมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วมีบทบาทมากในการ “ควบคุมคุณภาพการพ่นยา” ให้ได้ผลเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อพืช โดยเฉพาะในสวนมะนาวที่ต้องพ่นสารป้องกันโรค แมลงอย่างสม่ำเสมอ
หน้าที่ของเกจวัดแรงดัน
เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) ใช้วัดแรงดันของของเหลวในระบบปั๊มพ่นยา เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบว่า
• แรงดันน้ำในระบบเพียงพอหรือไม่
• หัวพ่นทำงานได้ตามค่าที่กำหนดหรือไม่
• ปั๊มทำงานปกติหรือมีการอุดตัน-รั่วซึมในระบบ
หากไม่มีเกจวัดแรงดัน ชาวสวนจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าปั๊มพ่นยากำลังพ่นด้วยแรงดันเท่าใด ซึ่งอาจทำให้
• สารพ่นไม่กระจายตัวดี (แรงดันต่ำเกิน)
• พืชได้รับสารเกินความจำเป็น (แรงดันสูงเกิน)
• สิ้นเปลืองน้ำยา และเสี่ยงต่อการชำรุดของหัวพ่นหรือท่อ
ช่วงแรงดันที่เหมาะสมสำหรับงานพ่นยา
• ปั๊มพ่นยาแบบ ลูกสูบ (Piston Pump) มักใช้แรงดัน 100-400 psi
• สำหรับการพ่นมะนาวหรือพืชสวนทั่วไป ค่าแรงดันที่เหมาะสมอยู่ราว 150-250 psi
• ถ้าแรงดันต่ำกว่า 100 psi ยาไม่กระจายทั่วทรงพุ่ม
• ถ้าแรงดันสูงกว่า 300 psi หัวพ่นอาจชำรุด และสิ้นเปลืองสารเคมี
วิธีสังเกตและดูแลเกจวัดแรงดัน
1. ตรวจเข็มเกจทุกครั้งก่อนใช้งาน หากเข็มไม่กลับศูนย์ หรือแกว่งผิดปกติ แสดงว่าเกจเสื่อม
2. ไม่ควรให้แรงดันเกินค่าที่เกจระบุไว้ เกจส่วนใหญ่รับได้สูงสุดประมาณ 400 psi
3. หมั่นล้างเกลียวและจุดต่อเกจหลังใช้งาน ป้องกันคราบยาเคมีและตะกอนอุดตัน
4. เก็บเกจไว้ในที่แห้ง ไม่โดนแดดจัด เพราะความร้อนและสารเคมีจะทำให้ซีลยางเสื่อมเร็ว
การเลือกเกจที่เหมาะสม
• ขนาดเกลียวต่อ (¼” หรือ ⅜”) ต้องตรงกับปั๊ม
• หน้าปัดขนาด 2-2.5 นิ้ว อ่านค่าง่าย
• วัสดุตัวเรือน เลือกแบบสแตนเลส ทนสารเคมี
• ช่วงแรงดัน เลือกให้สูงกว่าการใช้งานจริงเล็กน้อย เช่น ใช้ 250 psi ควรเลือกเกจ 0-400 psi
สรุป
เกจวัดแรงดันคือ “ตา” ของระบบพ่นยา ช่วยให้เราควบคุมแรงดันได้แม่นยำ ประหยัดสาร ลดปัญหาพืชไหม้ และยืดอายุปั๊มพ่นยาได้อีกหลายปี เพราะฉะนั้น ก่อนพ่นยาในสวนมะนาวทุกครั้ง อย่าลืมเหลือบมองเข็มเกจเสียก่อน แรงดันที่ถูกต้อง คือผลผลิตที่ปลอดภัยและคุ้มค่าในระยะยาว
44 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร