ฤดูฝนหนอนชอนใบเปิดแคงเกอร์ตาม
“ฤดูฝน” คือช่วงที่หนอนชอนใบระบาดหนัก และตามมาด้วยโรคแคงเกอร์ ซึ่งทั้งสองมีความสัมพันธ์กันโดยตรงในระบบนิเวศของใบมะนาวครับ
ความสัมพันธ์ระหว่าง “หนอนชอนใบ” กับ “โรคแคงเกอร์”
1. หนอนชอนใบ (Leaf miner)
• ตัวหนอนจะ กัดกินชั้นผิวใต้ใบ (mesophyll) ทำให้เกิดรอยคดเคี้ยวสีขาวบนใบอ่อน
• การทำลายของมัน เปิดบาดแผลบนผิวใบ ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรียแคงเกอร์ (Xanthomonas citri) เข้าสู่เนื้อเยื่อใบได้ง่าย
• เมื่อฝนตก น้ำกระเด็น เชื้อกระจายไปยังใบข้างเคียงอย่างรวดเร็ว
2. ฤดูฝนเอื้อต่อการระบาดอย่างไร
ปัจจัยฤดูฝน | ผลกระทบต่อหนอนชอนใบ | ผลกระทบต่อโรคแคงเกอร์ |
---|---|---|
ความชื้นสูง | ยอดอ่อนแตกมาก เป็นแหล่งอาหารหนอน | เชื้อแบคทีเรียเพิ่มจำนวนเร็ว |
ฝนตกสม่ำเสมอ | ไข่หนอนฟักง่าย อัตรารอดสูง | ฝนกระเด็นพาเชื้อจากใบหนึ่งไปอีกใบ |
อุณหภูมิ 25–30°C | ช่วงเหมาะสมต่อการเจริญของหนอน | เชื้อแคงเกอร์เจริญได้ดีสุด |
ลมแรง-ฝนกระเด็น | พาเชื้อและหนอนย้ายแปลงได้ง่าย | เพิ่มการติดเชื้อข้ามต้น |
3. อาการที่มักพบในแปลงมะนาว
• ใบอ่อนม้วน งอ และเป็นรอยคดสีขาว หนอนชอนใบทำลาย
• บริเวณรอยคดปรากฏจุดนูนสีน้ำตาล หรือขอบแผลเปียกน้ำ เริ่มติดแคงเกอร์
• ถ้าไม่จัดการเร็ว ใบจะร่วง กิ่งอ่อนแห้ง ยอดไม่โต ผลผลิตลดลงมากในรอบถัดไป
4. แนวทางการจัดการแบบบูรณาการ (IPM)
ควบคุมหนอนชอนใบ โดยการตัดแต่งยอดอ่อนที่ถูกทำลายทิ้ง เพื่อลดแหล่งฟักตัว ทำการพ่นสารชีวภัณฑ์ Bacillus thuringiensis (BT) หรือสารเคมีเช่น อิมิดาคลอพริด (imidacloprid), สไปนีโทแรม (spinetoram) ช่วงใบอ่อนเริ่มแตก (ไม่พ่นตอนดอกบาน)ป้องกันโรคแคงเกอร์
หลังฝนหยุดควร พ่นสารทองแดง (Copper hydroxide/Copper oxychloride) เพื่อเคลือบผิวใบและป้องกันการเข้าทำลาย ให้หลีกเลี่ยงการพ่นปุ๋ยทางใบหรือฮอร์โมน ในช่วงใบเปียก เพราะเพิ่มความชื้นเสริมภูมิต้านทานต้น
ให้ แมกนีเซียม+ซิลิก้า+แคลเซียม-โบรอน สม่ำเสมอ เพื่อเสริมผนังเซลล์ใบแข็งแรง ใบเหนียว หนอนกัดยาก และเชื้อเข้ายาก และควรคลุมโคนเพื่อลดน้ำกระเด็นจากพื้นดินขึ้นใบ
สรุปภาพรวม
ฝนตก ใบอ่อนมาก หนอนชอนใบทำลาย แผลเปิด เชื้อแคงเกอร์เข้าทำลาย ใบร่วง ผลร่วง เกิดความเสียหายกับต้นมะนาวอย่างมากในช่วงฤดูฝน
9 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร