ใส้เดือนในดิน
ไส้เดือนในดิน เป็นสัญญาณที่ดีมากของดินที่มีชีวิต มีความอุดมสมบูรณ์ และมีโครงสร้างดี เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืช เช่น มะนาว และพืชสวนอื่นๆ
แต่บางครั้งเกษตรกรอาจสงสัยว่า "ไส้เดือนเยอะเกินไปดีไหม?" หรือ "ควรทำอย่างไรให้มีไส้เดือนในดิน?"
ประโยชน์ของไส้เดือนในดิน
พรวนดินตามธรรมชาติ
– ไส้เดือนเจาะโพรง ทำให้ดินโปร่ง รากพืชเดินได้ดี อากาศถ่ายเท
เพิ่มธาตุอาหารในดิน
– มูลไส้เดือนมีธาตุอาหารหลัก-รอง-เสริม เช่น N, P, K, Mg, Ca
– ยังมีเอนไซม์และฮอร์โมนพืชช่วยกระตุ้นรากด้วย
ช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุ
– ไส้เดือนกินใบไม้ ผัก เศษหญ้า แล้วถ่ายออกมาเป็นปุ๋ย
ลดเชื้อโรคบางชนิดในดิน
– ไส้เดือนสามารถย่อยเศษพืชเน่าและสิ่งที่อาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อราได้
ส่งเสริมจุลินทรีย์ดีในดิน
– มูลไส้เดือนมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อรากพืช
ถ้าไส้เดือนเยอะเกินไป เป็นปัญหาไหม?
โดยทั่วไป ไม่เป็นปัญหาเลย ไส้เดือนจะมีจำนวนสมดุลตามอาหาร (อินทรียวัตถุ) และความชื้น หากอินทรียวัตถุหมดหรือดินแห้ง ไส้เดือนก็จะย้ายหรือลดจำนวนเองโดยธรรมชาติ
ไส้เดือนบางชนิด (เช่น Amynthas spp. หรือ "ไส้เดือนกระโดด") ในบางประเทศอาจรบกวนรากพืชหรือทำลายอินทรียวัตถุไวเกินไป แต่ในสวนมะนาวของไทย พบว่า ไส้เดือนส่วนใหญ่เป็นชนิดที่มีประโยชน์
วิธีเพิ่มไส้เดือนในดิน (ถ้าดินไม่มีไส้เดือนเลย)
1. เพิ่มอินทรียวัตถุ เช่น
• ปุ๋ยหมักใบไม้
• มูลวัวแห้งหรือปุ๋ยคอกสุก
• แกลบดำ เศษพืชสับย่อย
• น้ำหมักชีวภาพสูตรอาหารดิน
2. รักษาความชื้นหน้าดิน
• คลุมโคนด้วยฟางหรือใบไม้แห้ง
• งดการพลิกดินลึกบ่อยๆ
3. หลีกเลี่ยงสารเคมีแรง
• เช่น ยาฆ่าแมลงในดิน ยาฆ่าหญ้าชนิดดูดซึม หรือปูนขาวในปริมาณมาก
4. สามารถเลี้ยงไส้เดือนเองแล้วปล่อยลงสวนได้
• เช่น พันธุ์ แอฟริกันไนท์ครอเลอร์ (Eudrilus eugeniae)
สังเกตง่ายว่าดินมีไส้เดือนหรือไม่
• ขุดหน้าดินลึก 15–30 ซม. แล้วดูว่าเจอไส้เดือนหรือร่องรอยหรือไม่
• ดินที่มีไส้เดือนมักร่วนซุย มีรอยมูลไส้เดือนเป็นก้อนเล็ก ๆ (ดูคล้ายเม็ดดินละเอียด)
21 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร