ผลกระทบเมื่อแอมโมเนียสูง

ผลกระทบเมื่อแอมโมเนียในดินหรือน้ำสูงเกินไป สามารถส่งผลร้ายต่อพืชได้หลายระดับ โดยเฉพาะระบบราก ใบ และจุลินทรีย์ในดิน ซึ่งอาการบางอย่างอาจมองว่าเป็น "ปุ๋ยมาก" แต่จริงๆ แล้วคือ "พืชถูกพิษจากแอมโมเนีย" นั่นเอง

แอมโมเนีย (NH₃) สูงจากอะไร?

• การใช้ปุ๋ยคอกสด / ปุ๋ยยูเรียมากเกินไป

• การหมักวัสดุอินทรีย์โดยไม่มีการควบคุม

• การย่อยสลายโปรตีน (ในเศษอาหาร/มูลสัตว์) อย่างรวดเร็วในสภาพอับอากาศ

ผลกระทบต่อพืชเมื่อแอมโมเนียสูงเกินไป

1. เผารากพืช

• รากฝอยสีน้ำตาลไหม้หรือดำ

• ระบบรากหยุดเจริญเติบโตทันที

• พืชชะงักการดูดน้ำ-อาหาร

2. ใบเหลืองซีดจากโคนขึ้นยอด

• แม้จะมีปุ๋ยในดิน แต่พืชดูดไม่ได้เพราะรากเสียหาย

3. ใบไหม้หรือยอดอ่อนไหม้

• ขอบใบแห้งกรอบ

• ใบพืชอ่อนจะแสดงอาการก่อน เช่น มะนาว มะเขือ พริก

4. ตายยอด ตายราก

• ยอดอ่อนแห้งกรอบ ตายย้อนจากยอดลงมา

• ถ้าในกระถาง/วงบ่อ แอมโมเนียอัดสะสมจะทำให้ตายทั้งต้นในไม่กี่วัน

5. กลิ่นเหม็นฉุนในดิน

• ถ้าพรวนดินแล้วมีกลิ่นแอมโมเนียฉุนแรง (คล้ายปัสสาวะหรือห้องน้ำ) = ดินมีแอมโมเนียสะสมมากเกิน

6. จุลินทรีย์ดีในดินตาย

• ค่า pH ในจุดนั้นอาจเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

• เชื้อที่ช่วยย่อยธาตุอาหารถูกทำลาย ดินตาย กลายเป็นดินแน่น

แนวทางแก้ไขเมื่อแอมโมเนียสูง

วิธี จุดประสงค์
รดน้ำชะล้าง (น้ำมากๆ วันเว้นวัน) ละลายและขับแอมโมเนียออกจากดิน
ใส่อินทรียวัตถุแห้ง เช่น แกลบดิบ ฟางแห้ง ดูดซับแอมโมเนียและลดความร้อนในดิน
เติมจุลินทรีย์ย่อยสลาย เช่น น้ำหมักหน่อกล้วย ช่วยเร่งแปลงแอมโมเนียเป็นไนเตรต (NO₃⁻)
หยุดใส่ปุ๋ยยูเรีย ปุ๋ยเคมีไนโตรเจนสูง ลดปริมาณ N ที่เข้าสู่ดิน
ปลูกพืชคลุมดิน เช่น ถั่วเขียว เพื่อดูดซับไนโตรเจน ช่วยลด N ในระบบ

สรุป

• แอมโมเนียสูงไม่ใช่ปุ๋ยเยอะ แต่คือพิษ!

• รากคือด่านแรกที่ได้รับผล

• หากใช้ปุ๋ยคอกใหม่ หรือหมักไม่ดี = เสี่ยงแอมโมเนียเผารากมากที่สุด

373 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร