มะนาวกับการเปลี่ยนแปลงทางพันธุ์กรรม

มะนาวกับการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม เป็นหัวข้อที่สำคัญในยุคเกษตรสมัยใหม่ เพราะเกี่ยวข้องกับทั้งการพัฒนา พันธุ์มะนาวให้ทนทานต่อโรค–แมลง, การปรับปรุงให้ผลผลิตสูงขึ้น, และการปรับพันธุ์ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม เช่น ทนแล้ง ทนน้ำท่วม หรือออกนอกฤดูได้ดี

การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในมะนาวทำได้อย่างไร?

วิธี รายละเอียด
การคัดเลือกพันธุ์ตามธรรมชาติ (Selective Breeding) เก็บพันธุ์ที่มีลักษณะดี เช่น ผลใหญ่ เปลือกบาง ทนโรค แล้วปลูกขยายต่อ
การผสมข้ามพันธุ์ (Hybridization) นำพันธุ์ต่างสายมาผสม เช่น มะนาว × มะกรูด เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่
การกลายพันธุ์ (Mutation Breeding) ใช้สารเคมีหรือรังสีเร่งการกลายพันธุ์ แล้วคัดเลือกต้นที่ได้ลักษณะเด่น
การตัดต่อพันธุกรรม (Genetic Engineering) ตัดยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่นใส่เข้าไปในมะนาว (ยังไม่ใช้ในเชิงพาณิชย์ทั่วไปในไทย)
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue Culture) ขยายพันธุ์จากเซลล์เดี่ยวที่มีพันธุกรรมเหมือนต้นแม่ 100%

ลักษณะที่นิยมปรับปรุงในมะนาว

ลักษณะ เป้าหมาย
ต้านทานโรค เช่น โรคแคงเกอร์, รากเน่าโคนเน่า, โรคใบจุด
ต้านแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ, หนอนชอนใบ
โตเร็ว–แตกยอดดี เพิ่มผลผลิตเร็วขึ้น
ออกดอกง่าย–ติดผลดี ช่วยเร่งดอกนอกฤดู
ทนสภาพอากาศ เช่น ทนแล้ง ทนฝน ทนน้ำเค็ม

ตัวอย่าง “มะนาวพันธุ์ใหม่” จากการเปลี่ยนพันธุกรรม

ชื่อพันธุ์ ลักษณะเด่น
มะนาวแป้นพิจิตร 1 ทนต่อโรค ทนแล้ง ติดผลดี
มะนาวแป้นพิจิตร 2 เปลือกบาง ทนต่อโรค ทนแล้ง ติดผลดี
มะนาวตาฮิติ (ไร้เมล็ด) ไม่มีเมล็ด เปลือกหนา ทนโรค
มะนาวแป้นรำไพ 2 เปลือกบาง เมล็ดน้อย กลิ่นหอม
มะนาวไร้เมล็ดดัดแปลงพันธุกรรม (ตปท.) ใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม (ยังไม่แพร่หลายในไทย)

ข้อพิจารณา

• การตัดต่อพันธุกรรม (GMO) ยัง ไม่เป็นที่ยอมรับในตลาดหลายประเทศ

• พันธุ์กลายจากสารเคมี/รังสี ต้องคัดเลือกนานหลายรุ่นก่อนปลูกจริง

• การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมช่วยเพิ่มผลผลิต แต่ควรควบคู่กับการจัดการสวนที่ดี เช่น ดินดี ปุ๋ยสมดุล

327 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร