อะบาเมกตินห้ามผสมกับธาตุรองตัวไหน
บางครั้งพ่นในสวนมะนาวแล้วไม่เห็นผล ในสวนมะนาว “อะบาเมกติน” เป็นยากำจัดแมลงที่เกษตรกรนิยมใช้มาก โดยเฉพาะเพื่อป้องกัน หนอนชอนใบ เพลี้ยไฟ ไรแดง แต่หลายคนเจอปัญหา พ่นแล้วเหมือนไม่ได้ผล ทั้งๆที่ใช้ยาตัวเดิม อัตราเดิม แถมเพิ่มฮอร์โมนและธาตุรองเข้าไปอีก
สาเหตุหลักมักอยู่ที่ “การผสมผิด” โดยเฉพาะเมื่อเอาอะบาเมกตินไปผสมกับ ธาตุรองหรือจุลธาตุบางชนิด ที่ทำให้ตัวยาเสื่อมสภาพทันที
ธาตุรองที่ “ห้ามผสม” กับอะบาเมกตินเด็ดขาด
อะบาเมกตินจัดเป็นสารชีวภาพกึ่งสังเคราะห์ที่ไวต่อสภาพแวดล้อมมาก โดยเฉพาะ ความเป็นด่าง (pH สูง) ธาตุรองหรือจุลธาตุบางชนิดจะทำให้สารออกฤทธิ์ในอะบาเมกตินสลายตัวเร็วกว่าปกติ เช่น
| ธาตุรอง/จุลธาตุ | ผลกระทบเมื่อผสม |
|---|---|
| แมกนีเซียม (Mg) | ทำให้สารตกตะกอน ยาเสื่อมฤทธิ์ |
| สังกะสี (Zn) | ทำให้ตัวยาแยกชั้น ออกฤทธิ์ไม่สม่ำเสมอ |
| ทองแดง (Cu) | ทำปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำลายโครงสร้างของอะบาเมกติน |
| แมงกานีส (Mn) | เร่งการสลายตัวของสารออกฤทธิ์ในน้ำที่มีค่า pH สูง |
| โบรอน (B) | เมื่ออยู่ในสภาพด่าง จะเร่งการเสื่อมสภาพของยาชีวภาพ |
สรุปง่ายๆคือ “อะบาเมกตินห้ามผสมกับสารกลุ่มคอปเปอร์ และธาตุรองที่มีค่า pH ด่าง” เพราะจะทำให้ตัวยาเสื่อมภายในไม่กี่นาที
ทำไมบางครั้งใช้แล้วไม่เห็นผล?
ผสมในน้ำที่มี pH สูง (เกิน 7) อะบาเมกตินจะสลายตัวอย่างรวดเร็วในน้ำด่าง ควรใช้น้ำที่มี pH 5.5–6.5
พ่นตอนแดดแรงหรืออุณหภูมิสูงกว่า 32°C แสงแดดทำลายโมเลกุลของยา ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
ผสมร่วมกับฮอร์โมนหรือปุ๋ยทางใบที่มีโลหะหนัก โลหะจะทำให้สารตกตะกอนและหมดฤทธิ์
พ่นในช่วงที่แมลงหลบซ่อนหรืออยู่ใต้ใบหนาแน่น สารไม่ถูกตัวแมลงโดยตรง จึงเห็นผลน้อย
วิธีใช้ที่ถูกต้องให้ได้ผลสูงสุด
พ่นช่วง เย็นหรือเช้าตรู่ ที่อากาศไม่ร้อนจัด ใช้น้ำสะอาดที่มี pH 5.5-6.5 (สามารถตรวจด้วยกระดาษลิตมัส) ไม่ผสมสารอื่นที่ไม่แน่ใจ โดยเฉพาะพวกคอปเปอร์ ธาตุรอง และฮอร์โมนเข้มข้น หากต้องพ่นธาตุรองหรือฮอร์โมน ควร เว้นระยะอย่างน้อย 3 วัน ก่อนหรือหลังการพ่นอะบาเมกติน
สรุป สำหรับชาวสวนมะนาว
“อะบาเมกตินจะได้ผลก็ต่อเมื่อใช้เดี่ยว ๆ น้ำต้องไม่ด่าง และพ่นให้ถูกเวลา” อย่าผสมมั่วกับธาตุรอง เพราะยาชีวภาพพังไวเหมือนแสงแดดยามเที่ยง!
25 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร