เปลือกหอยป่น

เปลือกหอยป่น (เช่น เปลือกหอยแครง หอยเชอรี่ หรือหอยแมลงภู่ป่น) เป็นวัสดุธรรมชาติที่นิยมใช้ในเกษตรอินทรีย์ เพราะอุดมด้วยแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อพืชและดิน

ประโยชน์ของเปลือกหอยป่นในสวนเกษตร:

1. เพิ่มแคลเซียม (Ca) ให้กับดิน – ช่วยให้พืชแข็งแรง เสริมผนังเซลล์ ลดโรค

2. ลดความเป็นกรดของดิน (ปรับ pH ดินที่เป็นกรดให้เป็นกลาง)

3. ช่วยเสริมการเจริญของระบบราก – โดยเฉพาะพืชที่ไวต่อการขาดแคลเซียม เช่น มะนาว พริก มะเขือ

4. ลดการสะสมของธาตุโลหะหนักในดิน – เช่น อะลูมิเนียม

5. เป็นวัสดุป้องกันหอยเชอรี่และแมลงบางชนิด – เมื่อโรยรอบโคนต้น

ส่วนประกอบทางเคมีโดยประมาณในเปลือกหอยป่น:

• แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO₃) ประมาณ 80–95%

• แมกนีเซียม (Mg), ฟอสฟอรัส (P), โบรอน (B) ในปริมาณน้อย

• ค่าความเป็นด่าง (pH) สูง

วิธีใช้เปลือกหอยป่น:

1. ใช้รองก้นหลุมปลูกพืช

• อัตรา: 1–2 กำมือ/หลุม หรือ 50–100 กรัม

• คลุกเคล้ากับดินก่อนปลูก ช่วยปรับสภาพดิน

2. ใช้หว่านหรือโรยรอบโคนต้น

• อัตรา: 100–200 กรัม/ต้น/เดือน (สำหรับไม้ผล)

• โรยรอบทรงพุ่ม แล้วคลุมด้วยฟางหรือรดน้ำตาม

3. ผสมในปุ๋ยหมักหรือน้ำหมัก

• ใส่ร่วมกับเศษพืชหรือมูลสัตว์ เพื่อเพิ่มแคลเซียมในปุ๋ยหมัก

4. ผสมน้ำหมักเสริมแคลเซียมทางใบ

• ละลายเปลือกหอยป่นในน้ำส้มสายชูหมัก 1:10 ทิ้งไว้ 7 วัน

• กรองและใช้ฉีดพ่นทางใบ (10–20 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร)

ข้อควรระวัง:

• หากใช้มากเกินไปอาจทำให้ดินเป็นด่างเกิน (pH สูง)

• ควรตรวจค่าพีเอชของดินก่อนใช้ต่อเนื่อง

• เปลือกหอยควรล้างและตากให้แห้งก่อนบดเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นและเชื้อรา

48 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร