เมื่อธาตุไม่ถูกตรึงในดิน
เมื่อ "ธาตุไม่ถูกตรึงในดิน" หมายถึง พืชสามารถดูดซึมธาตุนั้นได้ง่าย และต่อเนื่อง ซึ่งเป็น ภาวะที่ดี และ จำเป็นมากในดินที่เราต้องการให้ต้นมะนาวได้รับธาตุอาหารอย่างเต็มที่
"การถูกตรึง" คืออะไร?
"การตรึงธาตุ" = ธาตุอาหารบางชนิด จับตัวแน่นกับอนุภาคดิน หรือ ทำปฏิกิริยาเป็นสารไม่ละลายน้ำ พืชดูดซึมไม่ได้ แม้ว่าใส่ปุ๋ยลงไปแล้วก็ตาม
ผลเสียเมื่อ "ธาตุถูกตรึงในดิน"
ผลกระทบ | ตัวอย่าง |
---|---|
พืชขาดธาตุแม้ใส่ปุ๋ยแล้ว | ใบซีด ใบร่วง ดอกร่วง |
ธาตุเกิดการสะสมไม่สมดุล | เช่น P มากไปขัดขวาง Zn และ Fe |
ต้นไม่ตอบสนองปุ๋ย | เหมือน "ใส่แล้วหาย" |
เมื่อธาตุ “ไม่ถูกตรึงในดิน” = สถานการณ์ที่ดีมาก
หมายความว่า:
• ธาตุอาหาร ยังคงอยู่ในรูปที่ละลายน้ำได้
• ธาตุอาหาร ไม่ถูกจับแน่นกับอนุภาคดิน
• พืชสามารถดูดซึมธาตุเหล่านั้นได้ทั้งทางรากและทางใบ
ปัจจัยที่ทำให้ “ธาตุไม่ถูกตรึงในดิน”
ปัจจัย | ส่งผลอย่างไร |
---|---|
ใช้ธาตุในรูปคีเลต (Chelated form) เช่น Fe-EDTA, Zn-EDTA | ธาตุเสถียร ไม่ตกตะกอนในดิน |
มีอินทรียวัตถุสูงในดิน | อินทรียวัตถุจับธาตุไว้ชั่วคราวแบบพืชดูดได้ |
pH ดินเหมาะสม (5.5–6.5) | ลดโอกาสธาตุ Fe, Mn, Zn, Cu ตกตะกอน |
ดินไม่ขังน้ำ / มีอากาศ | รากดูดได้ดี ไม่เกิดสภาพไร้ออกซิเจนที่ทำให้ธาตุบางตัวไม่เคลื่อนไหว |
ตัวอย่าง: ธาตุที่มักถูกตรึงถ้า pH ไม่เหมาะ
pH สูงเกิน (ด่าง) → ธาตุถูกตรึง | เช่น: Fe, Zn, Mn, Cu |
pH ต่ำเกิน (กรดจัด) → ตรึง P | ทำให้ P จับกับ Al/Fe ไม่ละลาย |
สรุปง่าย ๆ:
เมื่อ ธาตุไม่ถูกตรึงในดิน ต้นมะนาวดูดซึมธาตุได้ดี = ใบเขียว ยอดแตกเร็ว ดอกติดดี ผลไม่ร่วง การใช้ “ธาตุเสริมแบบคีเลต (EDTA)” หรือ “น้ำหมัก+อินทรียวัตถุสูง” คือทางช่วยให้เกิดสภาวะนี้
6 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร