การสังเกตสีของดิน

การสังเกต "สีของดิน" เป็นวิธีพื้นบ้านที่ง่ายและแม่นยำในการประเมินสุขภาพของดินและระบบนิเวศใต้ดิน เพราะ สีของดินสะท้อนถึงอินทรียวัตถุ, สภาพความชื้น, การระบายน้ำ, และจุลินทรีย์ในดิน ได้อย่างชัดเจน

ความหมายของ "สีดิน" แต่ละประเภท

สีดิน ความหมาย สภาพดิน
ดำเข้ม (ดำชื้น) ดินมีอินทรียวัตถุสูง, อุดมสมบูรณ์, มีจุลินทรีย์มาก ดีเยี่ยม, เหมาะปลูกทุกชนิด
น้ำตาลเข้ม ดินดี มีอินทรียวัตถุปานกลาง, การระบายน้ำดี เหมาะกับไม้ผล, พืชสวน
น้ำตาลอ่อน-แดงอิฐ อินทรียวัตถุน้อย, มีธาตุเหล็กออกไซด์สูง ดินแข็ง, ร้อน, อุ้มน้ำได้น้อย
สีเทา/เขียวหม่น ดินแฉะ, ขาดอากาศ, จุลินทรีย์ลดลง ควรปรับปรุงระบายน้ำ
สีเหลือง/น้ำตาลซีด ดินขาดอินทรียวัตถุ, จุลินทรีย์น้อย ดินเสื่อม ต้องฟื้นฟู
สีขาวปนเทา/ด่าง อาจมีเกลือหรือตะกอนเคมีสะสม ไม่เหมาะปลูก ควรปรับดิน
สีดำคล้ำ มีจุดขาว หรือกลิ่นเหม็น ดินเน่า, มีแก๊ส H₂S, ขาดอากาศ อันตรายกับรากพืช

วิธีสังเกตสีดินด้วยตนเอง

• ขุดลึกประมาณ 20–30 ซม. (ชั้นรากพืช)

• สังเกต สี-กลิ่น-เนื้อสัมผัส ของดินในมือ

• ทดสอบความชื้น: บีบดินดูว่าเกาะกันไหม แตกง่ายไหม

• หากมี ไส้เดือน, รากฝอย, กลิ่นหอมดิน → ดินดี

สัญญาณ "ดินมีชีวิต"

• สีดำหรือดำปนเทา (โดยเฉพาะตอนชื้น)

• มีกลิ่นดินสด ไม่เหม็น

• มีไส้เดือนหรือด้วงในดิน

• ดินร่วนซุย ไม่แข็งแน่น

• พืชโตดี แตกใบเขียวสม่ำเสมอ

หากดิน “สีซีด แข็ง หรือเหม็น”

ปัญหา แนวทางแก้
ดินซีด เหลือง น้ำตาลอ่อน เติมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก คลุมดิน รดน้ำหมักจุลินทรีย์
ดินเทาเขียว/แฉะ พรวนดิน ระบายน้ำ ปลูกพืชคลุมดิน
ดินมีจุดขาว กลิ่นเหม็น หยุดใส่ปุ๋ยเคมีหนัก, เติมจุลินทรีย์, ทำปุ๋ยหมักในแปลง
ดินแน่นแข็ง ปลูกพืชพรวนดิน เช่น ปอเทือง ถั่วพร้า หรือใส่ปุ๋ยพืชสด

เสริม: การทดสอบดินง่าย ๆ

บีบดินแล้วเปิดดู

• ถ้าเกาะกันแต่แตกง่าย → ดินดี

• ถ้าแข็งจับตัวหนึบ → ดินเหนียว อาจชื้นเกินไป

• ถ้าร่วนหล่นเร็ว → ดินทราย อินทรียวัตถุน้อย

ใส่น้ำส้มสายชูลงดิน

• ถ้ามีฟอง → ดินเป็นด่าง

• ไม่เกิดฟอง → ดินเป็นกรดหรือกลาง

29 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร