ใส่ปุ๋ยเคมีมากดินเป็นกรด

การใส่ปุ๋ยเคมีมากเกินไป โดยเฉพาะใส่อย่างต่อเนื่องโดยไม่ปรับสมดุลอินทรียวัตถุในดิน จะทำให้ดิน เป็นกรดมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือหนึ่งในปัญหาสำคัญที่พบในแปลงเกษตรที่ใช้ปุ๋ยเคมีหนัก เช่น สวนมะนาว ไม้ผล หรือพืชผักบางชนิด

ทำไมใส่ปุ๋ยเคมีแล้วดินเป็นกรด?

1. ไนโตรเจนจากยูเรีย/แอมโมเนียม ปล่อยไฮโดรเจน (H⁺)

• เมื่อยูเรีย (CO(NH₂)₂) แตกตัวในดิน สร้างแอมโมเนียม (NH₄⁺)

• กระบวนการเปลี่ยนแอมโมเนียมเป็นไนเตรต (NO₃⁻) โดยแบคทีเรีย ปล่อย H⁺ ออกมาทำให้ดินเป็นกรด

2. การสะสมของซัลเฟอร์จากปุ๋ยสูตรพิเศษ

• ปุ๋ยเคมีบางชนิดมี ซัลเฟอร์ (S) เช่น แอมโมเนียมซัลเฟต ทำให้เกิดกรดซัลฟิวริกในดิน

3. เกลือจากปุ๋ยสะสมในดิน

• ปุ๋ยเคมีมีเกลือแฝง (Salt index) สูง ทำให้ จุลินทรีย์ดีลดลง, ดินแน่น และ ความเป็นกรดเพิ่มขึ้น

ผลกระทบของดินเป็นกรดต่อพืช (เช่น มะนาว)

ผลกระทบ อธิบาย
รากพืชแคระแกร็น รากไม่ขยายตัว รากฝอยตายง่าย
ธาตุอาหารดูดซึมลดลง โดยเฉพาะ Ca, Mg, P และ Mo
ธาตุเหล็ก-อะลูมิเนียมเคลื่อนตัวมากเกินไป ทำให้เกิดพิษต่อราก
จุลินทรีย์ดีลดลง การหมุนเวียนสารอาหารแย่ลง
ใบเหลือง ร่วงง่าย จากการขาดธาตุรอง/จุลธาตุ

แนวทางแก้ไขและป้องกันดินเป็นกรด

1. ปรับสภาพดินด้วยสารเพิ่มความเป็นด่าง

วัสดุ อัตราใช้ หมายเหตุ
ปูนโดโลไมท์ (CaMg(CO₃)₂) 50–100 กก./ไร่ ปรับ pH + เสริม Ca และ Mg
ปูนขาว (CaO) หรือปูนร้อน 30–80 กก./ไร่ ใช้ด้วยความระวัง ปรับไว
เถ้าไม้แห้ง (ถ้ามี) 500–800 กก./ไร่ ค่อยๆ ปรับ pH + K

2. เพิ่มอินทรียวัตถุในดิน

• ใส่ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกสุก

• คลุมโคนด้วยใบไม้แห้ง ฟางข้าว

• ใช้น้ำหมักชีวภาพหมุนเวียนทุก 7–14 วัน

3. ลดปริมาณและความถี่ของปุ๋ยเคมี

• ใช้สูตรปุ๋ยเหมาะสมกับระยะพืช (อย่าใช้สูตรสูงเกินความจำเป็น)

• พิจารณาใช้ร่วมกับ “แม่ปุ๋ย” ที่มีค่า pH เป็นกลาง เช่น แมกนีเซียมซัลเฟต หรือ ฟอสเฟตธรรมชาติ

4. ตรวจวัดค่า pH ดินปีละ 1–2 ครั้ง

• ถ้า pH ต่ำกว่า 5.5 ควรปรับทันที

• ค่าที่เหมาะสมสำหรับมะนาว: pH 5.8–6.5

29 @สงวนสิขสิทธิ์โดย สวนมะนาวท้ายไร่ จังหวัดพิจิตร